ได้เกิดอุบัติเหตุ หกล้อรับส่งนักเรียน ชนรถยนต์ โดยมีเด็กนักเรียนได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวน 50 ราย ส่วนสาเหตุนั้นยังไม่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไรกันแน่ เมื่อเวลา 7.30 น. ของวันนี้ (5 ก.ค. 2565) ร.ต.อ. มงคล ยศวิลาศ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม ได้รับแจ้งอุบัติเหตุหมู่ รถบรรทุก “หกล้อรับส่งนักเรียน” ได้ชนเข้ากับรถยนต์ (รถเก๋ง) บนถนนสายนครพนม-สกลนคร ช่วงโค้งบ้านผึ้ง ต.บ้านผึ้ง โดยผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
ณ ที่เกิดเหตุ – จุดกลับรถ 3 แยกปากทางเข้าบ้านผึ้ง
เจ้าหน้าที่ได้พบกับรถบรรทุก 6 ล้อ อีซูซุ สีส้ม ทะเบียน 10 -1272 นครพนม ที่ขับโดย นายลำใย โสมี ผู้ซึ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และท้ายรถบรรทุกก็ได้พบกับเด็กนักเรียนทั้งชาย และหญิงจำนวน 50 คน ได้รับบาดเจ็บกันอย่างทั่วหน้า โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานงานกับรถกู้ชีพกู้ภัยวีอาร์ลำโขงเฟรนด์ชิฟ กู้ภัยศรีสัตตนครพนม รถกู้ชีพ อบต.บ้านผึ้ง และรถกู้ชีพจาก อบต. ข้างเคียง ในการลำเลียงผู้บาดเจ็บ ไปยัง รพ.นครพนม และ รพ.ค่ายพระยอดเมืองขวาง
ในส่วนของรถยนต์อีกคัน ณ ที่เกิดเหตุ ก็คือ รถเก๋ง มิตซูบิซิ สีดำ ทะเบียน กน 9872 นครพนม ที่มีสภาพท้ายรถเสียหลักตกริมไหล่ทาง กระจกข้างคนขับ ท้ายรถด้านขวามีร่องรอยถูกเฉี่ยวชน กระจกหลังแตกเสียหาย ทางด้านของคนขับ – นางมะลิวัลย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ครูพี่เลี้ยงประจำศูนย์เด็กเล็กแห่งหนึ่งใน ต.กุดตาไก้ อ.ปลาปาก ได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าอกจากแรงกระแทก
จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า รถบรรทุกหกล้อได้ขับมาจากการแวะรับนักเรียนในพื้นที่บ้านผึ้ง-วังกระแส และกำลังอยู่ระหว่างทางไปส่งที่โรงเรียนบ้านผึ้งวิทยาคม บ.เทพพนม (ห่างจากที่เกิดเหตุ 2-3 ก.ม.) โดยระหว่างทางนั้นก็ได้เข้าเฉี่ยวชนท้ายกับรถเก๋งที่เพิ่งออกจากตลาดสดนาโพธิ์ และกำลังขับต่อทำงานที่ซึ่งใช้งานถนนเดียวกัน ส่งผลให้รถบรรทุกคว่ำลงไปตามที่พบเจอ
โดยในเวลานี้สาเหตุของอุบัติเหตุยังคงมีความคลุมเคลือเป็นอย่างมาก ข้อมูลส่วนหนึ่งได้ให้น้ำหนักไปยังอาการหลับในของผู้ขับรถบรรทุก เนื่องจากการทำงานก่อนหน้านี้ และไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ ในขณะที่ข้อมูลอีกส่วนก็ชี้ไปยังความขัดข้องของตัวรถบรรทุก เพราะพยานได้ให้การว่ารถบรรทุกไม่ได้ทำการจอดรับลูกของตน และมีลักษณะพุ่งลงเนินไปด้วยความ ทำให้ดูเหมือนกับระบบเบรคเกิดความขัดข้อง
หลังจากเกิดเหตุแล้วนั้น ก็ได้มีผู้เข้ามาดูเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ทั้งครูประจำโรงเรียน และผู้ปกครองที่ทราบเรื่อง ในส่วนของเจ้าหน้าที่นั้นก็จะทำการสืบสวน และสอบสวนเหตุการณ์ครั้งนี้อีกต่อไป เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุอย่างแน่ชัด
หมอศิริราช เตือน ยอดผู้ป่วยโควิดจริง สูงกว่าที่รายงาน ชี้ติด 5 หมื่นต่อวัน
รศ.นพ. นิธิพัฒน์ หมอศิริราช เตือนประชาชนอย่าเพิ่งถอดหน้ากาก ชี้ ยอดผู้ป่วยโควิดจริง สูงกว่าที่รายงาน เผยติด 5 หมื่นต่อวัน เตียงเริ่มไม่พอ รศ.นพ. นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กเตือนประชาชนว่าอย่าเพิ่งถอดหน้ากากอนามัย หลัง ยอดผู้ป่วยโควิดจริง วันละ 5 หมื่นราย เตียงเริ่มไม่พอ
“ต้องขอออกมาเตือนกันให้ดังๆ ว่า สถานการณ์โควิดขณะนี้เขม็งเกลียวขึ้นมาใหม่ ทุกคนและทุกฝ่ายต้องช่วยกันประคองภาพรวมไม่ให้กลับไปทรุดหนักอีกรอบ แล้วรอลุ้นให้เกิดการปรับฐานโรคซาลงเองในช่วงอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อจะได้ร่วมเดินหน้าผลักดันประเทศที่กะปลกกะเปลี้ยกันต่อไป
สถานการณ์ที่บ้านริมน้ำเริ่มตึงมือมากว่าสัปดาห์แล้ว จำนวนผู้ป่วยโควิดที่จำเป็นต้องรับเข้าโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งส่วนน้อยที่ป่วยจากโควิดโดยตรง และส่วนใหญ่ที่ป่วยจากโรคอื่นแต่มีการติดเชื้อโควิดร่วมด้วย จนทำให้บุคลากรด่านหน้าที่กันไว้จำนวนหนึ่งสำหรับงานโควิด ต้องกลับมาทำงานกันหนักขึ้นจากเดิมกว่าเท่าตัว และต้องวิ่งวุ่นหมุนเตียงกันมือระวิง เพื่อลดจำนวนคนไข้ที่ตกค้างรอรับไว้ในโรงพยาบาล สภาพเช่นนี้กำลังเกิดขึ้นกับโรงพยาบาลใหญ่อีกหลายแห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด สวนทางกับตัวเลขรายวันที่แจ้งว่ายังมีเตียงรองรับผู้ป่วยโควิดเหลืออีกมาก ตัวเลขที่ว่านั้นเป็นแค่กรอบจำนวนเตียงที่จะขยายขึ้นได้ภายใต้เงื่อนไข แต่ที่มีใช้งานอยู่จริงตอนนี้เริ่มร่อยหรอเต็มที ส่วนกรอบที่จะขยายได้ก็ถูกนำไปใช้กับผู้ป่วยอื่นที่ไม่ใช่โควิดจนเกือบไม่เหลือหรอแล้ว
จากข้อมูลที่รับทราบมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยจริงเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน น่าจะอยู่ที่ราววันละห้าหมื่นคนแล้ว ต่างกับตัวเลขรายวันที่เราเห็นกันในรายงาน แถมยังมีปรากฏการณ์ยอดตกช่วงต้นสัปดาห์เช่นดังรูปของวันนี้ ซึ่งเป็นผลจากระบบการตรวจหาเชื้อและรายงานผลช่วงวันหยุด ส่วนตัวเลขผู้ป่วยอาการรุนแรงที่เพิ่มขึ้นจาก 600 แล้วมาหยุดแถวก่อน 700 ดังในอีกรูปนั้น ก็เป็นผลจากระบบการรายงานที่จะมียอดวิ่งเข้ามาเป็นก้อนๆ ไม่ได้สม่ำเสมอในทุกวัน
ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐต้องบอกความจริง และออกมาเตือนให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ ไม่ใช่คอยแต่ให้ท้ายเพื่อปลดหน้ากากหรือเพิ่มกิจกรรมทางสังคมที่เสี่ยงแต่เพียงด้านเดียว
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง