วานนี้ (28 ก.ค.) เกิดเหตุนองเลือดในแคลิฟอร์เนีย เมื่อเกิดเหตุกราดยิงในเทศกาลอาหาร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายและบาดเจ็บอย่างน้อย 15 คน ก่อนตำรวจจะเข้าควบคุมสถานการณ์และวิสามัญมือปืนเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 4 ตำรวจเชื่อว่าเหตุการณ์นี้มีผู้สมรู้ร่วมคิดอีกคน
ด้าน สก็อต สมิตที ผู้บัญชาการตำรวจเมืองกิลรอย รัฐแคลิฟอร์เนีย
เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุการณ์ตำรวจรุดไปในที่เกิดเหตุภายใน 1 นาทีและยิงคนร้ายเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังคงตามหาผู้ต้องสงสัยรายที่ 2 ตามคำให้การของผู้เห็ตเหตุการณ์ ซึ่งเป็นไปได้ว่าบุคคลนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์
หนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์คือ จูลิสสา คอนเทรอรัส เผยว่าตนเห็น ชายผิวขาวอายุราว 30 ปีรายหนึ่งใช้อาวุธปืนไรเฟิลกราดยิงไปทั่ว และดูเหมือนได้เตรียมการมาเป็นอย่างดี ส่วนอิเวนนี เรเยส วัย 13 ปี ผู้อยู่ในเหตุการณ์อีกคนเล่าว่า เธอและครอบครัวกำลังจะออกจากงาน ก่อนจะเห็นชายคนหนึ่งถูกยิงที่ขา และมีเด็กตัวเล็กๆ ได้รับบาดเจ็บนอนอยู่บนพื้น ผู้คนต่างกรีดร้องและพยายามพังรั้วหนีออกไป โดยในคลิปที่โพสต์ในโซเชียลมีเดีย เผยให้เห็นผู้คนในงานเทศกาลจำนวนมากร้องไห้เสียขวัญขณะที่มีเสียงปืนกราดยิง
นายสมิตที กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเวลา ประมาณ 17.45 น. ตามเวลาท้องถิ่น และเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยตัดรั้วเขาไปในงาน เพราะรอบๆ งานทุกทางเข้า-ออก จะมีเครื่องตรวจจับโลหะและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นสัมภาระของผู้เข้าร่วมงานทุกคน อีกทั้งยังมีการห้ามห้ามสวมเสื้อผ้าหรือพกพาอุปกรณ์ที่เป็นสัญลักษณ์การเป็นสมาชิกแก๊งต่างๆ รวมถึงแก๊งมอเตอร์ไซค์ด้วย
ขณะนี้ ตำรวจยังไม่สามารถระบุแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ที่ดูเหมือนเป็นการกราดยิงสุ่มได้ โดยหลังเกิดเหตุครู่หนึ่ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตว่า ‘เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายอยู่ในที่เกิดเหตุในกิลรอยแล้ว และขอให้ประชาชนระมัดระวังและปลอดภัย’
ขณะที่ เกวิน นิวส์รูม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัว และสำนักงานผู้ว่าการกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
วานนี้ (28 ก.ค.) สื่อประเทศญี่ปุ่น Japan Guide Book ได้รายงานข่าวว่ามีชายไทยอายุ 31 ปี ที้เดินทางไปเที่ยวฮอกไกโดและเช่ารถขับได้ประสบอุบัติเหตุชนรถยนต์คันอื่นๆ อีก 4 คันถ้วน ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 รายเป็นหญิงสาวชาวญี่ปุ่น และบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย
โดยรายงานข่าวระบุว่าสาเหตุเกิดจากที่ชายรายนี้มัวแต่มองดูจอนำทางจนทำให้ขับรถข้ามเลนไปเลนตรงกันข้าม ก่อให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น ทางคนขับเล่าว่าที่ขับข้ามเลนเพราะตนมัวแต่ดูจอเนวิเกเตอร์นำทางทำให้รถเสียหลัก โดยตำรวจได้ควบคุมตัวหนุ่มไทยรายนี้ไว้แล้ว และแจ้งข้อหาขับรถประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอคร่าชีวิตคนไปแล้ว 71 รายในเมียนมาร์
วานนี้ (25 ก.ค.) มีรายงานจากกระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาเมียนมาร์ว่า มียอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ (A (H1N1) pdm09) ล่าสุด 71 รายแล้วทั่วประเทศ โดยตัวเลขนี้รวบรวมตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. – 24 ก.ค.ที่ผ่านมา และมีผู้ติดเชื้อซึ่งได้รับการยืนยันผลตรวจจากห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์สูงถึง 337 ราย
ในจำนวนผู้เสียชีวิต 71 รายนี้ มาจากเขตต่างๆ ได้แก่ เขตย่างกุ้งที่มีจำนวนสูงสุด 56 ราย เขตอิระวดี 5 ราย เขตพะโค 3 ราย เขตซะไกง์ 2 ราย เขตมะเกว 1 ราย และยังมีรายงานผู้เสียชีวิตในรัฐมอญ 3 ราย และรัฐคะฉิ่นอีก 1 รายด้วย
โดยทางหน่วยระบาดวิทยากลางและห้องปฏิบัติการสุขภาพแห่งชาติ ระบุว่า ผู้เสียชีวิตถึง 57 จากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอนี้ ประสบภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน หลอดเลือดหัวใจ ระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมถึงภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องอื่นๆ โดยไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลจะเริ่มแสดงอาการภายใน 1-5 วันหลังได้รับเชื้อ ซึ่งสามารถแพร่กระจายผ่านละอองในอากาศโดยการไอ จาม สัมผัส หรือปนเปื้อนกับสารคัดหลั่ง ซึ่งถือว่าเป็นระยะฟักตัว อาการต่างๆ ได้แก่ มีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดหัว หนาวสั่น อาเจียน และท้องเสียอีกด้วย
ในปีนี้ นับได้ว่าเมียนมาร์มียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะมียอดผู้ติดเชื้อมากกว่าสองปีที่แล้วอย่างมาก โดยในปี 2560 มียอดผู้เสียชีวิต 38 ราย และผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 400 ราย
ด้านเฟซบุ๊กเพจ ฮอกไกโดแฟนคลับ- Hokkaidofanclub ได้เผยว่า ทางสถานทูตไทยในญี่ปุ่นทราบเรื่องเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว พร้อมระบุว่า ตามกฎหมายประเทศญี่ปุ่น หากเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ให้ผู้ต้องหาพบญาติใน 48 ชั่วโมงแรก และตำรวจมีสิทธิ์ขังผู้ต้องหาโดยไม่ต้องขออำนาจศาล เพื่อการสอบสวน หลังผ่าน 48 ชั่วโมงแรก ตำรวจจะพิจารณาว่าอยากสอบสวนต่อหรือไม่ หากอัยการเห็นมีมูลจะส่งฟ้อง หลัง 48 ชั่วโมง และอัยการจะยื่นเรื่องให้ศาลขอฝากขังต่อ ภายใน 24 ชั่วโมง หลังตำรวจส่งเรื่องมา
ดังนั้น ใน 72 ชั่วโมงแรกในขั้นตอนตำรวจและอัยการนั้นขึ้นอยู่กับว่าตำรวจและอัยการ จะมองคดีนี้อย่างไร หากตำรวจต้องการสอบสวนต่อ อัยการสามารถฝากขังได้เพิ่มครั้งละไม่เกิน 10 วัน รวมไม่เกิน 2 ครั้ง รวมเป็น 20 วัน รวมกับช่วงแรกเป็นทั้งหมด 23 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาสูงสุดหากอัยการ ไม่ส่งฟ้อง และยกฟ้อง
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง