ก.ล.ต. ลงโทษ ผู้บริหาร Bitkub ฐานซื้อเหรียญก่อนดีล SCB

ก.ล.ต. ลงโทษ ผู้บริหาร Bitkub ฐานซื้อเหรียญก่อนดีล SCB

ก.ล.ต. ดำเนินการลงโทษ ผู้บริหาร Bitkub ในฐานซื้อเหรียญ KUB ก่อนการตกลงทางธุรกิจกับ SCB โดยมีโทษปรับ 8.5 ล้านบาท และห้ามดำรงตำแหน่งบริหารเป็นเวลา 12 เดือน ด้านผู้บริหารคนดังกล่าว ได้ชี้แจงแย้งผ่านเฟซบุ๊ก(31 ส.ค. 2565) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) 

ได้ประกาศผ่านเว็บไซต์ของหน่วยงานถึงการดำเนินคดีด้วยการลงโทษกับ นายสำเร็จ วจนะเสถียร (นายสำเร็จ) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด (BBT) หรือหนึ่งใน ผู้บริหาร ของ Bitkub แพลตฟอร์มลงทุนคริปโตเคอเรนซี่ในประเทศไทย

โดยเป็นการลงโทษในฐานความผิดกรณีซื้อโทเคนดิจิทัล Bitkub Coin (เหรียญ KUB) โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน ทำให้ได้รับโทษปรับเป็นจำนวนเงิน 8,530,383 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 12 เดือน

การดำเนินการดังกล่าวได้เกิดขึ้นภายหลังจากที่ ก.ล.ต. ได้รับการร้องเรียนให้มีการตรวจสอบว่ามีผู้ที่รับทราบข้อมูลภายในที่เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด โดยบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด แล้วนำไปใช้งานประกอบการซื้อขายเหรียญ KUB หรือไม่ ซึ่งก็พบว่าภายในช่วงเวลาดังกล่าว นายสำเร็จ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ลบริหารภายในบริษัทขณะนั้น ได้ทำการซื้อเหรียญเป็นจำนวนมาก  61,107.66 เหรียญ มูลค่า 1,994,966.56 บาท

ทำให้ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และมาซึ่งการลงโทษตามที่กล่าวไป 

ทางด้านของนายสำเร็จ วจนะเสถียรนั้น ก็ได้ทำการชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ตนเองนั้นไม่มีเจตนาตามที่ทาง ก.ล.ต. ได้ตัดสินลงไป โดยการซื้อเหรียญ KUB ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น เป็นเพียงแค่ความบังเอิญ เนื่องจากตนเองมีแผนจะซื้อก่อนอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องตนเองได้ลงทุนในสินทรัพย์อื่นไป ทำให้ต้องเลื่อนเวลาการซื้อออกไปจนอยู่ในช่วงที่ว่า อีกทั้งตำแหน่งหน้าที่ของตนถือว่าเป็นคนละภาคส่วนกับที่ถูกเข้าซื้อทำให้ ไม่มีทางที่จะทราบข้อมูลการซื้อขายดังกล่าวได้

นายสำเร็จ ได้กล่าวยืนยันความบริสุทธิ์ใจ และกล่าวตนเองจะทำการพิสูจน์ผ่านการต่อสู้ตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป

เมื่อผู้สมัครบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่กรอกข้อมูลความสัมพันธ์ของครอบครัวถูกต้อง จะถูกดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติต่อไป ซึ่งจะได้รับผลภายในเดือนมกราคม 2566 หากท่านผ่านคุณสมบัติของโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ ขั้นตอนต่อไปคือการรอยืนยันตัวตนเพื่อขอรับสิทธิจากโครงการฯ และหากไม่ผ่านคุณสมบัติจะไม่ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ซึ่งสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อไปได้

กำหนดการสุดท้ายของไทม์ไลน์วันลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ คือการยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิภายในเดือนมกราคม 2566 ซึ่งท่านสามารถยืนยันตัวตนได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสินทุกสาขา

ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ 2565 จะเปิดให้ใช้บัตรวันไหน และได้เงินกี่บาท ต้องรอประกาศจากกระทรวงการคลังอีกทีหนึ่ง หรือติดตามได้ที่เว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th เลยครับ.

ครม. อนุมัติงบประมาณ ‘ค่าเสี่ยงภัย’ สำหรับ อสม. – อสส. ประจำเดือน เม.ย.-พ.ค.

(30 ส.ค. 2565) คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติในการอนุมัติ งบประมาณ วงเงิน 1,050 ล้านบาท เพื่อใช้งานเป็น ค่าเสี่ยงภัย สำหรับ อสม. – อสส. ที่ทำหน้าที่ป้องกัน และเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในชุมชน ประจำเดือน เม.ย.-พ.ค. 2565

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี อนุมัติ 1,050.31 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชยและค่าเสี่ยงภัยสำหรับ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 1,039,729 คน และ อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) จำนวน 10,577 คน รวมทั้งสิ้น 1,050,306 คน ในอัตรา 500 บาท/คน/เดือน ระยะเวลาเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2565 ภายใต้ โครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชยและค่าเสี่ยงภัยสำหรับการปฏิบัติงานของ อสม. ในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ในชุมชน

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในไทย กระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้อสม.และอสส. ร่วมดำเนินการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในชุมชน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดยมีการดำเนินงาน เช่น การให้ความรู้ในการป้องกันและดูแลสุขภาพตนเองแก่ประชาชน การเฝ้าระวังและคัดกรองกลุ่มเสี่ยง การเคาะประตูบ้านต้านภัยโควิด-19 ร่วมทีมแพทย์ ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 แยกจากรักษาตัวในชุมชน (CI) และแยกกักรักษาตัวที่บ้าน (HI) แนะนำกลุ่มเป้าหมายตรวจ ATK และรายงานผลผ่านแอพพลิเคชั่น “สมาร์ท อสม.” รวมทั้ง เชิญชวนกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ที่มีโรคประจำตัวมารับวัคซีนเข็มที่ 1/2/3 ด้วย

ทั้งนี้รัฐบาลได้เคยให้ค่าตอบแทนเสี่ยงภัยแก่อสม. และ อสส.ในการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรค โควิด-19 ในชุมชนไปแล้วก่อนหน้านี้เป็นระยะเวลา 6 เดือนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564-มีนาคม 2565 แล้วจำนวนเงิน 3,150.92 ล้านบาท

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า