เดนมาร์ก สั่ง ฆ่ามิงค์ อีก 15 ล้านตัว หลังพบโควิด-19 กลายพันธ์ุใน ปชช.

เดนมาร์ก สั่ง ฆ่ามิงค์ อีก 15 ล้านตัว หลังพบโควิด-19 กลายพันธ์ุใน ปชช.

ทางการเดนมาร์กอยากให้ประชาชน ฆ่ามิงค์ หลังพบเชื้อกลายพันธุ์จากประชาชนที่ติดเชื้อจากสัตว์เศรษฐกิจของประเทศ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม สำนักข่าว อัลจาซีร่า รายงานว่า นาง เมตต์ เฟเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีของประเทศเดนมาร์กได้ประกาศว่าทางการอยากให้เจ้าของฟาร์ม ฆ่ามิงค์ ในฟาร์มทั้งหมด เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หลังจากที่พบเชื้อกลายพันธุ์ในผู้ป่วยในทางตอนเหนือของประเทศ

ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า ครึ่งนึงในจำนวนผู้ป่วยโรค โควิด-19 ในทางตอนเหนือ 783 ราย เกี่ยวข้องกับตัวมิงค์

โดยนายกฯเดนมาร์กกล่าวว่า การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสในตัวมิงค์อาจจะส่งผลกระทบอันใหญ่หลวงกับโลกใบนี้ได้ เดนมาร์กถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการส่งออกขนมิงค์มากที่สุดในโลก ในแต่ละปีประเทศเดนมาร์กส่งขนมิงค์ออกนอกประเทศมากกว่า 17 ล้านชิ้นต่อปี ซึ่งการสั่ง ฆ่ามิงค์ 15 ล้านตัวในครั้งนี้ อาจทำให้เดนมาร์กต้องสูญเงินไป 2 หมื่นล้านบาท

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เดนมาร์กสั่งฆ่ามิงก์ เพราะในช่วงเดือนที่ผ่านมาทางการได้ลงมือ ฆ่าตัวมิงค์ ไปกว่าล้านตัว ซึ่งทางการสัญญาว่าจะชดเชยเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งดังกล่าว ขณะนี้เดนมาร์กมียอดผู้ป่วยโรค โควิด-19 มากกว่า 5 หมื่นราย และมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสแล้วอย่างน้อย 7 พันศพ

สถานการณ์การแย่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงร้อนระอุอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่รู้ผล แต่นายไบเดน ทำลายสถิติเป็นผู้สมัครลงเลือกตั้งที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรค เดโมแครต ได้ออกมาโพสต์ภาพว่า เขากลายเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่เขาได้รับคะแนนโหวตไปมากกว่า 70 ล้านเสียง ในการเลือกตั้งประจำปี 2563 แซงหน้าสถิติของนายบารัค โอบามา ที่ได้รับคะแนนเสียงราวๆ 69 ล้านเสียง ในการเลือกตั้งปี 2551

ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่าทั้งตัวของนายไบเดน และ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะต่างทุบสถิติดังกล่าว หลังจากการนับคะแนนทั้งหมดเสร็จสิ้น ซึ่งอาจจะใช้เวลาอีกหลายวันถัดจากนี้ ซึ่งในภาพที่นายไบเดน โพสต์ยังระบุอีกว่าเขาได้รับคะแนนเสียงจากประชาชน มากกว่า 50 %

พร้อมระบุอีกว่าเขาสามารถเปลี่ยนให้สามรัฐที่เคยโหวตให้พรรค รีพลับลิกัน ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาให้กลับมาโหวตพรรค เดโมแครตได้ นอกจากนี้นายไบเดนยังได้รับคะแนนเสียงรวมกันในรัฐวิสคอนซิน, เพนซิลเวเนีย และ มิชิแกน มากกว่าที่ผู้นำสหรัฐฯคนปัจจุบันได้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว

ซึ่งนายไบเดนได้ทิ้งท้ายว่าเขาจะเป็นฝ่ายชนะในการเลือกตั้งสหรัฐฯในครั้งนี้ โดยในปัจจุบันนายไบเดน ยังเป็นฝ่ายนำ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งหาก ผู้แทนจากพรรคเดโมแครต ชนะการเลือกตั้งที่รัฐเนวาดา และ แอริโซนา เขาจะเป็นฝ่ายชนะการเลือกครั้งนี้

สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส เปิดคอร์สสอนบุคลิกภาพ หลังโควิด-19 ทำรายได้หด

สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส เปิดคอร์สสอนบุคลิกภาพให้กับบุคคลที่สนใจ เพื่อกอบกู้ธุรกิจสายการบิน หลังโควิด-19 ทำรายได้หดหาย โดยผู้ที่สนใจจะได้เรียนรู้ตั้งแต่การแต่งกาย ท่าทางการเดิน ไปจนถึงการวางตัวเมื่อพบกับคนประเภทต่าง ๆ ผ่านการสอนโดยผู้เชี่ยวชาญระดับท็อปของสายการบินเอง

นอกจากนี้ ยังมีบริการเสริมอื่น ๆ ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน เช่น การเปลี่ยนเครื่องบินโดยสารเป็นร้านอาหาร รวมถึงมีบริการเดลิเวอรีส่งอาหารถึงบ้านลูกค้าอีกด้วย

ทั้งนี้ สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส คือหนึ่งในสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างมาก โดยลูกค้าลดลงมากกว่า 98% เป็นเหตุให้ต้องปลดพนังงานถึง 4,300 ตำแหน่งเลยทีเดียว

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศชัยชนะ ในการเลือกตั้งในครั้งนี้แล้ว ซึ่งจากการแถลงการครั้งนี้ ได้สร้างเสียงวิพากษ์เป็นวิจารณ์เป็นอย่างมาก เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน สำนักข่าว เอบีซี รายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ออกมาแถลงในทำเนียบขาว พร้อมแสดงความมั่นใจด้วยการ ประกาศชัยชนะ ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว แม้ว่ายังมีอีกหลายรัฐที่ยังนับคะแนนไม่เสร็จก็ตาม

โดยนายทรัมป์กล่าวว่า ‘เราจะชนะเลือกครั้งนี้ และเท่าที่ผมรู้เราชนะการเลือกตั้งแล้ว’

อย่างไรก็ตามการประกาศชัยชนะครั้งนี้ได้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก

เช่นนางอเล็กซานเดรีย โอคาซีโอ คอร์เทซ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัฐนิวยอร์ก ที่คาดว่าจะสามารถดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นสมัยที่ 2 ได้แสดงความเห็นว่าการ ประกาศชัยชนะ ของทรัมป์ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าผู้นำสหรัฐฯเป็นบุคคลที่อันตรายและบ้าอำนาจ พร้อมกล่าวให้นายทรัมป์เคารพการนับคะแนนเสียง

ทั้งนี้หลายฝ่ายเชื่อว่าโควิดโอมิครอนสามารถแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว โดยดูได้จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ผู้ป่วยโควิดใหม่กว่าร้อยละ 70 ป่วยเป็นโควิดโอมิครอน และกลายเป็นโควิดสายพันธุ์หลัก แม้จะเพิ่งถูกค้นพบได้เพียงสามสัปดาห์ก็ตาม

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า